วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

How to มินิเฟรนช์เบรด เปียสวยหวานสไตล์เจ้าหญิง


 วันนี้เรานำฮาว ทู การถักเปียมินิเฟรนช์เบรด หรือเปียตะขาบไซส์จิ๋วมาฝากกัน แต่อย่าดูถูกความเล็กกะจิริดของมันเชียวนะ เล็ก ๆ แบบนี้แหละที่อัพดีกรีความน่ารักสวยหวานได้ดีนักเชียว วิธีทำก็ไม่ยุ่งยากอะไรเลยค่ะ หากว่าคุณถักเปียแบบเฟรนช์เบรด หรือเปียตะขาบเป็นอยู่แล้ว รับรองว่าเปียมินิเฟรนช์เบรด์อันนี้จะง่ายมาก ๆ เลยล่ะ แต่ถ้าเป็นมือใหม่หัดถักทั้งหลายลองกลับไปดูคลิปวิดีโอสอนการถักเปียเฟรนช์เบรดแบบง่าย ๆ ได้ ที่นี่ หรือจะดูจากมีรูปประกอบสวย ๆ พร้อมคำอธิบายง่าย ๆ ที่เรานำมาฝากจากเว็บไซต์ thebeautydepartment ไปพร้อม ๆ กันก็ได้ค่ะ มาลงมือกันเลยจ้า.. 
          อุปกรณ์ที่คุณต้องใช้ ได้แก่ ยางรัดผม หวี และแกนม้วนผมไฟฟ้า 



           1. แบ่งผมด้านหน้าตามแนวใบหูไว้ประมาณ 1 - 1 1/2 นิ้ว ทั้งสองด้าน 

           2. ใช้ยางรัดผมรวบผมส่วนที่เหลือไว้ก่อน เพื่อจะได้ไม่เกะกะเวลาถักเปีย  




           3. แหวกผมตรงกลางศีรษะออก 

           4. ดึงผมกลุ่มเล็ก ๆ ออกมา โดยผมกลุ่มนี้จะช่วยยึดให้เส้นเปียของคุณอยู่ตรงกลางศีรษะพอดี 




           5. ลงมือถักเปียได้เลย โดยเริ่มจากแบ่งกลุ่มผมจากทางซ้ายมาเล็กน้อย 

           6. แบ่งกลุ่มผมจากทางขวามาอีกนิด 




           7. ไขว้เปียตามแบบการถักเฟรนช์เบรดทั่วไป 

           8. แบ่งผมจากด้านซ้ายมาเพิ่ม 



           9. แบ่งผมจากด้านขวามาเพิ่ม 

           10. ถักเปียเฟรนช์เบรดแบบเดิมซ้ำประมาณ 4 ครั้งดังภาพ หรือถักจนกว่าผมด้านหน้าที่แบ่งเอาไว้จะหมด 




           11. ถักผมส่วนที่เหลือลงไปเป็นเปียแบบธรรมดา 

           12. ใช้หวียีผมส่วนโคนของหางเปีย ผมที่ยุ่งขึ้นจะเกาะกันทำให้เปียอยู่ตัวไม่คลายออกมา หรือจะใช้ยางรัดผมรัดเอาไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ 




           13. แกะยางรัดผมที่รวบผมเก็บเอาไว้ในตอนแรกออก 

           14. จะได้ทรงผมยาวตรงพร้อมเปียจิ๋วดังในรูป 




           15. เติมลูกเล่นให้เส้นผมด้วยการใช้แกนม้วนผมเพิ่มลอนอีกสักหน่อย เพิ่มวอลลุ่ม และอัพดีกรีความสวยหวานแบบเจ้าหญิง 

           16. ผมสไตล์มินิ เฟรนช์เบรด สวย ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วจ้า ^^


          ผมทรงนี้เพิ่มความหวานให้กับสาว ๆ ได้เป็นอย่างดี ใครถูกใจอย่าลืมไปลองทำกันดูนะคะ 

ถูกใจใช่เลย! เคลียร์ คอมพลีท ซอฟต์ แคร์ ขจัดรังแคเป๊ะเว่อร์

เคยไม่มั่นใจกับการใส่เสื้อผ้าสีดำ หรือสีโทนเข้ม (ทั้ง ๆ ที่มันพรางรูปร่างได้ดี) เพราะกังวลกับปัญหารังแครังควาน ประมาณว่า... สวยเจิดหน้าเชิ่ดไปได้ไม่นาน เผลอแป๊บ ๆ หิมะร่วงบานเต็มหัวไหล่ ทำเอาหมดความมั่นใจไปเลยนะ - -" 



          ลองใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดรังแคมาแล้วก็หลายตัว พร้อมทำสารพัดวิธีที่จะทำให้หนังศีรษะชุ่มชื่น ผมนุ่ม ไร้รังแค แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหนที่โดนใจ หรือมีผลิตภัณฑ์ใดที่ใช้แล้วถูกใจสักที!! แต่วันนี้ต้องยอมยกนิ้วให้กับ เคลียร์ คอมพลีท ซอฟต์ แคร์ แชมพูและครีมนวดผมสูตรผสานคุณค่าทรีทเมนต์ พร้อมด้วยอานุภาพของเทคโนโลยี ไฮเดรทติ้ง นูเทรียม 10 (Hydrating Nutrium 10) ที่ให้ความชุ่มชื่นอย่างล้ำลึกถึงหนังศีรษะเทียบเท่าคุณค่าจากน้ำแร่ 1,000 ลิตร เพื่อผมนุ่มลื่นขึ้นถึง 4 เท่า และหนังศีรษะที่แข็งแรง ป้องกันปัญหาการกลับมาของรังแคอย่างมั่นใจ (ชอบตรงนี้)



          คงความชุ่มชื่น คืนความมั่นใจให้หนังศีรษะกับ เคลียร์ คอมพลีต ซอฟต์ แคร์ แชมพูและครีมนวดที่พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื่นด้วยคุณค่าบริสุทธิ์จากน้ำแร่ให้หนังศีรษะอย่างล้ำลึก ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างมั่นใจไร้กังวลได้แล้ว ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าทั่วประเทศ กับแชมพูในขนาด 500 มิลลิลิตร 350 มิลลิลิตร 180 มิลลิลิตร 150 มิลลิลิตร 70 มิลลิลิตร ราคา 175 บาท 135 บาท 69 บาท 55 บาท และ 29 บาท ตามลำดับ และครีมนวดในขนาด 320 มิลลิลิตร ราคา 144 บาท  

แปลกพอยัง ผมทรงหัวมะเขือเทศ!?



 แค่หัวแดงก็เด่นมากแล้ว แต่หัวแม่สาวคนนี้แดงอย่างเดียวไม่พอ ยังมีจุกเขียว ๆ อยู่กลางกระหม่อมอีกแน่ะ นี่มันมะเขือเทศชัด ๆ เลย!


          นี่เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของคุณฮิโระ สไตลิสต์ประจำร้านตัดผม ทริค สโตร์ ในย่านอะเมะมูระ แหล่งคนอินเทรนด์ของจังหวัดโอซาก้า ซึ่งคุณพี่ฮิโระแกบอกว่าภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้ม๊ากมาก ตั้งแต่การบรรจงตัดผมให้ดูกลม ๆ เป็นพุ่ม ๆ เหมือนลูกมะเขือเทศ ทำสีผมให้แดงสวยเหมือนมะเขือเทศกำลังสุกปลั่ง และที่เด็ดที่สุดคือหัวจุกมะเขือเทศสีเขียว ที่เขาทำออกมาได้เหมือนเปี๊ยบ ทำเสร็จปุ๊บก็รีบแชะภาพกันให้ดูปั๊บ และมันก็แพร่ออกไปในวงโซเชียลเน็ตเวิร์ก จนหลาย ๆ คนที่เห็นภาพยังถึงกับอุทาน แหม ช่างคิดกันได้แฮะผมทรงนี้ 

          แต่ใครทำผมทรงนี้อาจต้องทำใจหน่อยนะว่ามันคงสวยอยู่ได้ไม่นาน ขนาดพี่ฮิโระเองแกยังบอกว่าสีผมจะซีดลงไวมาก ที่สำคัญคือถ้าสระผมไปสักครั้งแล้วจะเซตผมส่วนสีเขียว ๆ ให้เป็นหัวจุกมะเขือเทศเหมือนเดิมก็เป็นงานหินน่าดู เอาไว้สวยเป็นงาน ๆ ไปก็แล้วกัน อยากสวยเมื่อไหร่ค่อยมาทำใหม่เนอะ แล้วเรายังมีทรงผมแนว ๆ จากฝีมือสไตล์ลิสต์ของร้านมีมาฝากกันด้วยค่ะ

ทริคเจ๋ง ๆ กับการเพ้นท์เล็บสไตล์ดิปดาย สวยปลื้ม!


การทำเล็บไม่ใช่แค่การเสริมสวยให้พื้นที่เล็ก ๆ บนปลายนิ้วเท่านั้น แต่ยังเป็นการเติมเต็มและเสริมความสมบูรณ์แบบให้กับลุคของคุณแบบเต็มตัวด้วย การเพ้นท์เล็บให้เข้ากับเสื้อผ้า หรือสไตล์การแต่งตัวรับรองว่าเริ่ดแน่ ๆ วันนี้เราขอหยิบทริคเจ๋ง ๆ ของเทคนิคการเพ้นท์เล็บแบบดิปดาย (dip dye) หรือการทำเล็บที่ให้ลุคเหมือนจุ่มสี ใครชื่นชอบการเพ้นท์เล็บไล่สีสไตล์คล้ายกับการจุ่มสีมัดย้อมต้องปลื้มแน่ ๆ เลยค่ะ 

         1. ดิปดายด้วยสีที่ตัดกัน 

          ลองเลือกทำเล็บแบบดิปดายด้วยสีสองสีที่ตัดกัน เหมือนกับจุ่มปลายนิ้วไปแตะสีใหม่ หลังจากเพ้นท์สีชั้นที่หนึ่งจนแห้งสนิทไปแล้ว เลือกสีที่สองที่ตัดกันมาปาดเฉพาะที่ส่วนปลายเล็บ ถ้ายิ่งเลือกสีที่เข้ากันกับสีสันของเสื้อผ้ารับรองว่าจะยิ่งเสริมลุคให้สวยเพอร์เฟคท์กว่าเดิมอีกค่ะ 

         2. เพ้นท์เล็บแบบไล่เฉดสี

          ลองเพ้นท์เล็บแบบไล่เฉดสีดูสิ ไม่ว่าจะเป็นฟ้า-น้ำเงิน ชมพู-ม่วง ส้ม-แดง ฯลฯ แค่ลองไล่สีสันง่าย ๆ แบบนี้ก็ทำให้เรียวเล็บของคุณดูน่าสนใจขึ้นเยอะ 

         3. ไล่สีฟุ้งสวยด้วยฟองน้ำ 

          ลองไล่สีสวย ๆ ด้วยเทคนิคใช้ยาทาเล็บปาดที่ฟองน้ำแล้วนำมาแตะลงบนเล็บที่ทาสีชั้นเบสไว้แล้ว ค่อย ๆ แต้มให้ได้ความเข้ม-ฟุ้ง ตามที่ต้องการ ก็จะเป็นการไล่สีที่ดูนุ่มนวล ยิ่งถ้าเป็นสีโทน ขาว-ฟ้า-น้ำเงิน จะให้ฟีลแบบท้องทะเลและฟองคลื่นมาก ๆ เลยค่ะ 

         4. เสริมสวยด้วยเม็ดลูกปัดคาเวียร์บีด

          เพิ่มลูกเล่นขึ้นอีกหนึ่งสเต็ป หลังจากทาเล็บด้วยการไล่สีดิปดายที่ปลายเล็บไปแล้ว ในขณะที่น้ำยาทาเล็บยังไม่แห้งดี ให้นำลูกปัดเม็ดจิ๋ว ๆ หรือที่เรียกว่าคาเวียร์บีดมาโรย คาเวียร์บีดจิ๋ว ๆ จะติดกับปลายเล็บไปโดยอัตโนมัติ เคล็ดลับของวิธีนี้คือการเลือกสีของยาทาเล็บทั้งสอง กับสีของลูกปัดให้เข้ากัน (หรือตัดกันไปเลย) จะให้เอฟเฟคท์บนเรียวเล็บที่น่ารักน่าสนใจมาก ๆ เลยล่ะ

         5. จุ่มสีให้เล็บสวยด้วยเทคนิควอเตอร์ มาเบิล

          อีกหนึ่งวิธีในการเพ้นท์เล็บสไตล์ดิปดายที่น่าสนุก คือการจุ่มสีหรือการทำลายด้วยวิธีวอเตอร์ มาเบิล (water mable) ส่งที่คุณต้องการคือยาทาเล็บสารพัดสี ถ้วยใส่น้ำ ไม้จิ้มฟัน และสกอตเทป 

           เริ่มจากใช้สกอตเทปแปะขอบบริเวณรอบ ๆ เล็บทั้งหมด เพื่อไม่ให้ยาทาเล็บเปื้อนผิวหนังบริเวณที่ไม่ต้องการ 

           หยดยาทาเล็บลงในถ้วยที่ใส่น้ำ จะหยดกี่สีก็ได้ตามต้องการ จากนั้นใช้ไม้จิ้มฟันลากให้เป็นลายตามแบบที่ชอบ 

           หงายนิ้วให้ด้านที่มีเล็บค่อย ๆ จุ่มลงไปในน้ำ ซึ่งมีน้ำยาทาเล็บที่ลากเป็นลายเอาไว้ลอยอยู่ที่ผิวน้ำ ยาทาเล็บจะเข้ามาเกาะที่เล็บ 

           ยกนิ้วขึ้น ทำซ้ำเช่นนี้ไปจนครบทุกเล็บตามที่ต้องการ 

           แกะสกอตเทปออก ทำความสะอาดยาทาเล็บที่อาจเปรอะเปื้อนไปบ้าง  เก็บส่วนขอบรอบ ๆ เล็บให้เรียบร้อย เท่านี้ก็ได้เล็บดิปดายสไตล์วอเตอร์ มาเบิล สวย ๆ แล้วค่ะ 

อวดยิ้มสวยด้วยฟันขาว ด้วย 7 สูตรฟอกฟันที่คุณทำได้เอง


 รอยยิ้มสวย ๆ ใครเห็นก็เป็นต้องประทับใจ แต่ถ้าเป็นยิ้มสวยด้วย แถมฟันก็ขาวสดใสเห็นแล้วหัวใจประตุกไปเลย เพราะรอยยิ้มคือเสน่ห์สำคัญของสาว ๆ แย้มยิ้มน้อย ๆ ก็น่ารัก ยิ่งยิ้มเห็นฟันสวย ๆ ยิ่งทำให้โลกสว่างสดใส เราอยากให้สาว ๆ ยิ้มสวยมั่นใจได้บ่อย ๆ วันนี้จึงนำ 7 วิธีฟอกฟันขาวด้วยสูตรธรรมชาติที่คุณทำได้เองมาฝากกันค่ะ 
         1. ขัดฟันขาวด้วยเบกกิ้งโซดา

          เบกกิ้งโซดานับเป็นไอเทมสามัญประจำครัวที่หลาย ๆ คนมี นอกจากจะเอาไว้ทำขนมได้ หมักเนื้อนุ่ม ๆ ก็ได้ ยังนำมาขัดฟันขจัดคราบเหลือง ๆ ได้อีกด้วย โดยใช้เบกกิ้งโซดาปริมาณเพียงเล็กน้อยผสมกับยาสีฟัน แล้วใช้ยาสีฟันนี้แปรงฟันทุกวัน วันละ 1 ครั้ง หลังแปรงแล้วอย่าลืมบ้วนน้ำกลั้วปากให้สะอาดนะคะ เพราะว่ารสชาติของเบกกิ้งโซดาที่เหลืออยู่ในปากไม่ค่อยจะน่าอภิรมย์เท่าไหร่เลยล่ะ

         2. หม่ำสตรอว์เบอร์รีช่วยสครับผิวฟัน 

          กินสตรอว์เบอร์รีวันละ 1/2 ถ้วย เม็ดสตรอว์เบอร์รีเล็ก ๆ จะช่วยสครับผิวฟัน ขจัดคราบ และสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ที่ผิวฟันได้ แถมยังสตรอว์เบอร์รียังแคลอรี่ต่ำ กินได้แบบไม่ต้องรู้สึกผิดเลยล่ะ 

         3. หนีให้ไกลกาแฟ ชา และน้ำอัดลม 

          หากคอฟฟี่ เลิฟเวอร์ เกิดอยากมีฟันขาวขึ้นมา คงจะประสบความสำเร็จยากสักหน่อย จนกว่าคุณจะเลิกการดื่มกาแฟได้นั่นแหละ ฟันจึงจะขาวปิ๊งขึ้นมา เพราะทั้งกาแฟและชาทำให้ฟันเหลือง แล้วยังทำให้มีคราบสีน้ำตาลเกาะที่ผิวฟันอีกต่างหาก ส่วนน้ำอัดลมก็อุดมด้วยน้ำตาลที่ไม่ดีต่อสุขภาพฟันเช่นกัน 

         4. แปรงฟันหลังมื้ออาหาร 

          การแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหารนอกจากจะกำจัดคราบอาหารต่าง ๆ ที่จะมาเกาะติดฟันของคุณ อีกทั้งยังดีต่อสุขภาพเหงือก ลดแบคทีเรียในช่องปาก ลมหายใจหอมสดชื่น แถมเมื่อแปรงฟันไปแล้วยังช่วยลดความอยากอาหารได้ด้วย (คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยอยากกินอะไรเพิ่มอีกหลังแปรงฟัน) ถือเป็นการควบคุมน้ำหนักและสร้างวินัยในการรับประทานอาหารไปในตัวได้นะคะ



         5. ใช้ยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่ง 

          อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ฟันคงความขาวสวยสดใสไว้ได้ คือการใช้ยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่ง แต่อย่าลืมเลือกยาฟันที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติด้วยนะคะ เพราะยาสีฟันสูตรไวท์เทนนิ่งจากสารสังเคราะห์ อาจกัดชั้นเคลือบฟันของคุณให้บาง และเกิดอาการเสียวฟันตามมาได้ 

         6. ใช้ไหมขัดฟัน 

          ป้องกันไม่ให้คราบเหลือง ๆ จับตัวตามซอกฟันเสียแต่เนิ่น ๆ ด้วยการใช้ไหมขัดฟัน ขัดตามร่องฟันทุกซี่เป็นประจำ หากทำได้รับรองว่าซอกฟันซึ่งเป็นจุดอับที่เข้าถึงยากไม่มีทางเหลืองคล้ำหรือเป็นคราบแน่นอน 

         7. น้ำมะนาวก็ช่วยให้ฟันขาวได้ 

          กรดแอสคอร์บิกในน้ำมะนาวช่วยฟอกฟันของคุณให้ขาวได้อย่างธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ดีไม่ควรใช้น้ำมะนาวถูลงไปบนฟันของคุณโดยตรงนะคะ แค่บีบน้ำมะนาวผสมลงไปในน้ำเปล่าที่คุณดื่ม เท่านี้ก็เพียงพอแล้วล่ะ (แถมวิธีนี้ยังเป็นการดีท็อกซ์ กระตุ้นการขับถ่ายได้ด้วยนะ)

รองพื้นสำหรับผิวมัน เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสาวหน้ามัน


   นอกเหนือจากครีมบำรุงผิวหลากหลายชนิดที่สาว ๆ เลือกใช้เพื่อปกป้องบำรุงผิวหน้าให้สวยใสดูดีอยู่เป็นประจำทุกเช้าแล้ว รองพื้นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนให้ความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสำหรับสาวผิวมัน ยิ่งจำเป็นจะต้องมองหาผลิตภัณฑ์รองพื้นที่เหมาะกับผิวเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสาวผิวมันมักมีรูขุมขนกว้างและมีผิวที่เคลือบไปด้วยน้ำมัน โดยเฉพาะในบริเวณจมูก แก้ม หน้าและปาก อันเกิดจากต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ดังนั้นจึงควรเลือกรองพื้นที่เหมาะกับผิวหน้ามันได้ ดังต่อไปนี้
          เลือกรองพื้นสูตรน้ำหรือรองพื้นสูตรเจล เนื่องจากรองพื้น 2 เนื้อนี้จะมีความบางเบา สามารถปกปิดร่องรูขุมขนบนใบหน้าได้อย่างพอเหมาะ ทั้งยังทนน้ำ ทนเหงื่อได้ดี ไม่ทำให้รองพื้นหลุดลอกได้ง่ายในระหว่างวัน

         เลือกรองพื้นแบบออยล์ฟรี ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน น้ำหอมและแอลกอฮอล์ สาวผิวมันควรหลีกเลี่ยงรองพื้นที่มีมอยส์เจอไรเซอร์บำรุงและมีความชุ่มชื่น เพราะนอกจากจะทำให้หน้ามันเพิ่มขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้อุดตันในรูขุมขนจนอาจเกิดสิวได้

          เลือกรองพื้นที่ผสมแร่ธาตุและวิตามินจากธรรมชาติ อย่าง น้ำแร่ ซิงค์ ออกไซด์และวิตามินซี ที่จะทำเข้ามาช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้เป็นยังดี อีกทั้งวิตามินซีก็จะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใส เปล่งปลั่งไม่หม่นหมอง


           วิธีดูแลผิว สำหรับสาวหน้ามัน

          ใช้ครีมบำรุงผิว ครีมกันแดดให้เหมาะสมกับผิวมัน ใช่ว่าเป็นสาวผิวมันแล้วจะไม่ต้องบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นนะคะ สาว ๆ สามารถเลือกใช้เป็นเซรั่ม โลชั่น หรือโทนเนอร์ที่ช่วยควบคุมความมันและบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื่นอย่างพอเหมาะแทนมอยส์เจอไรเซอร์ แล้วอย่าลืมเลือกปกป้องผิวด้วยครีมกันแดดแบบออยล์ฟรีก่อนออกจากบ้านด้วยนะคะ

          อย่าปล่อยให้มีสิ่งตกค้างอยู่บนผิวหน้าเป็นเวลานาน ๆ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ให้รีบล้างหน้าทำความสะอาดด้วยคลีนซิ่งและเจลล้างหน้าเป็นประจำ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้มีน้ำมันและคราบเครื่องสำอางตกหล่นจนอาจก่อให้เกิดการอุดตันได้

          หมั่นมาส์ก พอกหน้าด้วยโคลนหรือสมุนไพร อย่าง มะขามเปียกและขมิ้นสัปดาห์ละ 1- 2 ครั้ง เพราะจะช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าที่ตายแล้วและยังช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงได้

          เลือกรับประทานผัก ผลไม้และน้ำเปล่าให้มากขึ้น แล้วลดอาหารมัน ๆ และของทอดให้น้อยลง เพราะอาหารจะยิ่งทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น


          เมื่อได้ทราบเคล็ดลับในการเลือกรองพื้นและวิธีดูแลผิวสำหรับหน้ามันที่กระปุกดอทคอมนำมาฝากกันไปแล้ว คราวนี้สาว ๆ ก็สวยมั่นใจได้แบบไม่ต้องกังวลกับผิวหน้ามันเยิ้มจนทอดไข่ได้อีกต่อไปแล้วล่ะค่ะ

ซัมเมอร์นี้มาดับร้อนด้วยแฟชั่นสีเขียวกันดีกว่า

หน้าร้อนแบบนี้ใคร ๆ ต่างก็หาวิธีเพิ่มความเย็นให้ตัวเอง ในโลกของแฟชั่นสาว ๆ ก็ลุกขึ้นมาสวยแรง ๆ แข่งกับความร้อนไปเลย อย่างแฟชั่นสีนีออน ที่เราเคยนำเสนอไป แต่หนนี้จะมาสวยสดชื่นเย็นใจกับสีเขียวกันค่ะ ใครมีไอเทมสีเขียวเตรียมตัวไปหยิบมาวางเรียงได้เลย แล้วมาดูกันว่าไอเทมชิ้นไหนจะเอามาแต่งตัวยังไงบ้างไปพร้อม ๆ กันเลยค่า 

       1. เสื้อตัวยาวสีเขียว 

          หยิบเสื้อตัวยาวผ้าบาง ๆ พลิ้ว ๆ สีเขียวสวย ๆ อย่างสีเขียวมรกตมาใส่ (สีฮิตแห่งปี 2013 เลยนะจะบอกให้) ใส่กับกางเกงขาสั้นสำหรับวันชิล ๆ หรือใส่กับกางเกงผ้าทรงสลิมฟิต แมทช์ทับด้วยเบลเซอร์ตัวสั้นให้ลุคสดใสในวันทำงานแบบเวิร์คกิ้งวูแมนคนเก่ง ลองดูนะคะ 



       2. ส้นสูงสีเขียว 

          รองเท้าส้นสูงสีเขียว ช่วยเพิ่มสีสันให้กับลุคของคุณได้เป็นอย่างดี ลองแมทช์ส้นสูงสีเขียวกับกางเกงยีนส์ของคุณก็เป็นสาวเปรี้ยวทะมัดทะแมง หรือจะแมทช์กับกระโปรงใส่ไปทำงานดูก็ได้นะคะ .. และถ้าใครอยากเปรี้ยวเว่อร์สดใสเว่อร์ยกกำลังสอง แนะนำว่าให้ลองรองเท้าแบบหนังแก้วดูจ้า 



       3. เดรสสีเขียว 

          สำหรับโอกาสที่อยากจะหวานสวยดูบ้าง ลองเป็นเดรสสีเขียวดูดีไหมคะ ถ้าอยากให้ดูน่าเชื่อถือหน่อยลองเดรสสีเขียวแก่ แต่ถ้าอยากสดใสน่ารักต้องลองสีเขียวมิ้นต์จ้า 



       4. รองเท้าส้นเตี้ยสีเขียว 

          สวยสบายเท้ากับรองเท้าส้นเตี้ย ไม่ว่าจะเป็นคัทชูส้นแบน รองเท้ารัดส้นเปลือยเท้า หรือว่ารองเท้าทรงโบ้ทชูดูลำลองใส่สบาย ขอแค่มีสีเขียวผสมลงไปด้วยก็ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้นะ 



       5. แอคเซสซอรี่สีมิ้นต์ 

          สีมิ้นต์เขียนเย็นสบายตา หยิบจับมาทำเป็นแอคเซสซอรี่ชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้น่ารักกุ๊กกิ๊ก ไม่ว่าจะเป็นต่างหู กำไล สร้อย แหวน แว่นตา .. ใครมีไอเทมเครื่องประดับสีเขียว หยิบมาแมทช์กับชุดโดยไวเลยจ้า 


       6. กระเป๋าสีเขียว

          กระเป๋าสะพายก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สาว ๆ จะหยิบสีเขียวมาประดับร่างกายได้ หรือจะเป็นกระเป๋าสะพายเคียงใบเล็ก คลัทช์สวย ๆ ขอให้เป็นสีเขียวเข้าไว้ หยิบจับเมื่อไหร่ก็ช่วยเสริมให้ลุคของคุณดูสดชื่นขึ้นได้ค่ะ